โยฮันส์ กูเทนเบิร์ก
(JOHANNES GUTENBERG) ค.ศ. 1400-1468
ลำดับเหตุการณ์
·
ค.ศ. 1420 กูเทนเบิร์กย้ายออกจากเมนซ์ (Mainz) ไปอยู่ที่สตราสบูร์ก (Strasbourg)
·
ค.ศ. 1450 กลับไปอยู่ที่เมนซ์และตั้งโรงพิมพ์ โดยใช้ตัวพิมพ์เป็นตัวๆ
·
ค.ศ. 1450-1456 พิมพ์หนังสือ ปฏิทิน และหนังสือยินยอมยกโทษแก่ผู้สารภาพบาปของพระสันตะปาปา
(Letter of indulgence)
·
ค.ศ. 1456 พิมพ์หนังสือไบเบิล 42 บรรทัด
ทำให้ชื่อเสียงโด่งดัง
·
ค.ศ. 1465 อยู่ในอุปการะของอาร์คบิชอพ แห่งเมนซ์
โยฮันส์ กูเทนเบิร์ก
เกิดและใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในเมืองเมนซ์ ประเทศเยอรมัน
ครอบครัวประกอบอาชีพทำเหรียญกษาปณ์ และงานโลหะ
เขาจึงมีโอกาสได้ฝึกงานเป็นช่างแกะสลัก และช่างทอง
ทักษะของกูเทนเบิร์กช่วยให้เขาประดิษฐ์แม่พิมพ์โลหะตัวอักษรแต่ละตัวด้วยมือได้เป็นครั้งแรก
แม่พิมพ์โลหะคือหัวใจแห่งความสำเร็จทางด้านการพิมพ์ของเขา การพิมพ์ด้วยบล็อกไม้โดยใช้มือจับ
เป็นการทำงานที่สิ้นเปลืองรงงานและเวลาอย่างมาก
เพราะต้องแกะแผ่นไม้สำหรับหน้าหนังสือทั้งหน้า
การทำสำเนาโดยใช้สีย้อมมีมานานหลายสิบปีก่อนที่นักประดิษฐ์ชาวเยอรมันผู้มีนี้จะเกิดเสียอีก
ตัวพิมพ์เป็นตัวๆ(Moveble type)
กูเทนเบิร์กเกิดความคิดแยบยลที่จะวางตัวอักษรโลหะไว้ในที่ชั่วคราว
เพื่อให้ถอดหรือย้ายออกง่ายเมื่อพิมพ์หมดหน้าและยังกลับมาใช้พิมพ์หน้าซ้ำได้อีก
เมื่อเทียบกับการใช้บล็อกไม้แกะที่เชื่องช้าและใช้ได้เพียงครั้งเดียวแล้ว
บล็อกโลหะยังมีด้านที่ว่างซึ่งใช้แกะตัวอักษรได้อีกเป็นชุด การสร้างแม่แบบก็ทำได้รวดเร็วถือได้ว่ากูเทนเบิร์กเป็นผู้ปฏิวัติการพิมพ์
อักษรตัวพิมพ์จึงแพร่หลายไปทั่วยุโรป
เชื่อกันว่ากูเทนเบิร์กเริ่มการทดลองด้วยการสร้างรูปหล่อโลหะเป็นรูปตัวอักษรเมื่อตอนปลายทศวรรษ
1430 ระหว่างที่อาศัยอยู่ในสตราสบูร์ก แต่การพัฒนาไปเป็นโรงพิมพ์ที่ใช้ตัวพิมพ์เป็นตัวๆ
ได้สำเร็จนั้นอาจอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1444 และ ค.ศ. 1448
เมื่อเดินทางกลับสู่เมนซ์ในปี ค.ศ. 1448
เขายืมเงินของญาติ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเขานำเงินไปใช้ลงทุนในธุรกิจการพิมพ์
สิ่งประดิษฐ์ของกูเทนเบิร์กดัดแปลงจากเครื่องหีบองุ่นโดยได้แผ่นหนึ่งเมื่อต้องการพิมพ์ก็กดส่วนบนลงมาแตะกระดาษ
แต่การพัฒนาสีย้อมที่เหมาะสมกับเครื่องจักรของเขานั้นเป็นงานที่ไม่ง่ายเลย
เชื่อกันว่ากูเทนเบิร์กพบคำตอบได้ในที่สุด คือ การใช้น้ำมันลินซีด (Linseed oil) ผสมกับเขม่า
คัมภีร์ไบเบิล 42 บรรทัด (Forty-two
line Bible)
ไม่มีงานพิมพ์ใดที่หลงเหลือมีชื่อของกูเทนเบิร์กอยู่เลย
งานพิมพ์รุ่นแรกสุดของเขาเป็นปฏิทินประจำ ค.ศ.
1448
แต่งานที่สร้างชื่อเสียงมากที่สุดคือ
พระคัมภีร์ไบเบิลที่พิมพ์เป็นครั้งแรกด้วยตัวพิมพ์เป็นตัวๆ ปัจจุบันยังเหลืออยู่ 48
เล่มจากยอดพิมพ์ทั้งหมด
200 เล่ม เรียกว่า “ไบเบิล 42 บรรทัด (Forty-two lineBible)” เพราะแต่ละหน้ามี
42 บรรทัด เล่ากันว่า กูเทนเบิร์กและผู้ช่วยของเขาพิมพ์ออกมาระหว่างปี ค.ศ.
1450-1456
ในบั้นปลายชีวิตกูเทนเบิร์กอาศัยอยู่ใต้การอุปถัมภ์ของอาร์คชิบอพ
แห่งเมนซ์ ซึ่งอาจเป็นการตอบแทนคุณความดีที่เขาได้สร้างผลงานอันเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล
แต่มีบางคนที่ยังไม่ยอมรับกูเทนเบิร์กในฐานะผู้ประดิษฐ์ตัวพิมพ์เป็นตัวๆ
แต่หันไปยอมรับ ลอเรนส์ แจนส์ซูน คอสเตอร์ (Laurens Janszoon Coster)
ซึ่งมีชีวิตในช่วงเวลาประมาณ ค.ศ. 1370-1440
เรารู้เรื่องราวของคอสเตอร์น้อยมาก
เช่นเดียวกับ กูเทนเบิร์ก คือ ไม่ปรากฏสิ่งพิมพ์ใดๆ
ที่มีชื่อของเขาหลงเหลืออยู่เลยแต่มีตำนานเล่าว่าใช้แผ่นไม้มาแกะสลักเป็นตัวอักษรแต่ละตัวสำหรับไว้เล่นกับหลาน
และเพื่อให้หลานเพลิดเพลินยิ่งขึ้น เขาจึงใช้สีพิมพ์คำและประโยคต่างๆ บนกระดาษ
จากการกระทำนี้ เขารู้ถึงความเป็นไปได้ที่จะนำชิ้นไม้เหล่านั้นไปใช้ประโยชน์คอสเตอร์รับจ้างพิมพ์โดยใช้บล็อกไม้
เชื่อกันว่าคอสเตอร์เริ่มใช้ตัวอักษรไม้เพื่อเร่งงานพิมพ์ของเขาและเป็นไปได้ที่เขาใช้ทั้งพิมพ์บล็อกและตัวพิมพ์เป็นตัวๆ
ร่วมกัน แต่หลักฐานสนับสนุนคำบอกเล่านี้มีอยู่จำกัดมาก ที่เป็นจริงคงได้แก่คุณภาพอันสุดยอดของเครื่องพิมพ์และเครื่องพิมพ์และเครื่องหล่อโลหะของกูเทนเบิร์ก
ซี่งมีความสำคัญเกือบเท่าๆกับ
แนวคิดของการใช้ตัวพิมพ์เป็นตัวๆ
พัฒนาการด้านการพิมพ์นี้มีผู้เห็นว่าควรยกย่องประเทศจีนที่รู้จักใช้ตัวพิมพ์เคลื่อนย้ายได้นี้มาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่
14 อย่างไรก็ดี
การพัฒนาความคิดของกูเทนเบิร์กเป็นไปอย่างอิสระเขาไม่ได้ล่วงรู้ถึงการพัฒนาการพิมพ์ในแบบเดียวกับของตน
ที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ได้เกิดในอีกซีกโลกหนึ่ง ก่อนหน้าเขากว่าศตวรรษก็ตาม
แนวคิดของกูเทนเบิร์กสร้างผลกระทบใกล้เคียงกับที่การเกิดจาก
ระบบเลขฮินดู-อารบิค มากที่สุด
มรดกของกูเทนเบิร์ก
ในประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์
การพัฒนาที่มีผลกระทบพอเทียบเคียงกับการเกิดระบบตัวเลขของชาวฮินดูโบราณในอินเดียคือ
การประดิษฐ์เครื่องพิมพ์โดยใช้ตัวพิมพ์เป็นตัวๆ ถึงแม้มิใช่ผลสำเร็จทางวิทยาศาสตร์เสียทีเดียว
แต่การเกิดของเครื่องพิมพ์คือ
เครื่องมือสำคัญของการเริ่มต้นความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดสำหรับวิทยาการต่างๆในยุโรป
เปิดโอกาสให้นักวิชาการได้แลกเปลี่ยนความรู้อย่างกว้างขวางและประหยัดใช้จ่าย
พอถึงปลายศตวรรษที่
15 หลังจากการเกิดเครื่องพิมพ์จำนวนหนังสือและจุลสารในยุโรปก็เพิ่มขึ้นเป็นเรือนหมื่น
และทำหน้าที่ดังเวทีเพื่อการประทุความคิดมางวิทยาศาสตร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น